1. แก่นแท้ของแบรนด์ : มันไม่ใช่แค่โลโก้หรือสีชมพู

เวลาที่เราพูดถึงแบรนด์ หลายคนจะนึกถึง โลโก้ ฟอนต์ หรือสี ที่ถูกกำหนดไว้ใน Brand Guideline ซึ่งนั่นเป็นแค่ "เสื้อผ้า" ภายนอกเท่านั้นค่ะ

Higher Self ของแบรนด์ต่างหากคือ 'ความเชื่อที่ฝังลึก' ของแบรนด์เรา

ลองถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ก่อนจะเดินเข้าโรงงาน OEM ค่ะ

• เราไม่ได้แค่ "ขาย" ครีม แต่เรา "มอบ" อะไรให้ลูกค้า? (เช่น เราไม่ได้ขายแค่ลิปสติก แต่เรามอบความกล้าในการแสดงตัวตน หรือเราไม่ได้ขายแค่เซรั่ม แต่เรามอบการเยียวยาผิวจากสารเคมีที่สะสมมานาน)

• แบรนด์ของเรายืนหยัดเพื่อสิ่งใด? (เช่น ยืนหยัดเพื่อความยั่งยืน, เพื่อความจริงใจในการใช้ส่วนผสม, หรือเพื่อการเสริมพลังให้ผู้หญิงยุคใหม่)

• ถ้าแบรนด์เป็นคน ๆ หนึ่ง เขาจะมีนิสัยแบบไหน? (เป็นคนฉลาด, เป็นเพื่อนสนิทที่จริงใจ, หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อ่อนโยน)

ถ้าคุณสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน นั่นแหละค่ะ คือ 'จิตวิญญาณ' ที่แท้จริงของแบรนด์คุณ

2. คุณค่าที่ไม่ประนีประนอม (Non-Negotiable Value)

เมื่อเราค้นพบ Higher Self ของแบรนด์แล้ว สิ่งต่อไปคือการกำหนดคุณค่าที่ไม่ยอมประนีประนอม เพราะนี่คือตัวกำหนดทุกการตัดสินใจตั้งแต่การเลือกสูตรไปจนถึงการสั่งผลิตแพ็กเกจจิ้ง

ในธุรกิจของพี่ เรามีคุณค่าที่ชัดเจนมาก เช่น ความสะอาดของส่วนผสม และ ความรับผิดชอบต่อโลก

• ตัวอย่าง : ถ้าคุณค่าของคุณคือ "ความยั่งยืน" คุณจะยอมประนีประนอมใช้ขวดพลาสติกเกรดต่ำสุดเพื่อให้ต้นทุนถูกลงไหม? ถ้าคำตอบคือ "ใช่" นั่นหมายความว่าคุณได้ละทิ้งคุณค่าสูงสุดของแบรนด์ไปแล้วตั้งแต่เริ่มต้น

• สิ่งที่ต้องทำ : คุณต้องแจ้งโรงงาน OEM อย่างชัดเจนเลยว่า "ฉันต้องการกระปุกที่เป็น PCR (Post-Consumer Recycled Plastic) เท่านั้น แม้ว่าราคาจะแพงกว่า 30% ก็ตาม" การตัดสินใจแบบนี้อาจทำให้คุณมีกำไรน้อยลงในก้อนแรก แต่ในระยะยาว มันจะดึงดูดลูกค้าที่เชื่อในคุณค่าเดียวกัน ซึ่งคือกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพสูง และมีความภักดี (Loyalty) สูง

การผลิต OEM จึงไม่ใช่แค่การจ้างผลิต แต่คือการหา 'พันธมิตร' ที่เชื่อใน 'Higher Self' เดียวกันกับเรา

3. OEM ต้องสอดคล้องกับพันธกิจ (Brand Mission Alignment)

พันธกิจ (Brand Mission) คือสิ่งที่คุณตั้งใจจะ "ทำ" หรือ "บรรลุ" ผ่านผลิตภัณฑ์ของคุณ ดังนั้นทุกขั้นตอนการผลิต OEM ต้องรับใช้พันธกิจนั้น

ถ้าพันธกิจของแบรนด์คือ "การมอบผลิตภัณฑ์ที่บริสุทธิ์และปลอดภัยที่สุดสู่ผิว" การเลือกโรงงานก็ต้องสอดคล้องกับสิ่งนี้

1. การคัดเลือกวัตถุดิบ : เราต้องมั่นใจว่าโรงงานไม่ได้แค่ใช้ส่วนผสมตามสูตร แต่มีแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ และเป็นไปตามมาตรฐานที่เราต้องการ เช่น ต้องมีใบรับรองออร์แกนิกจริง หรือไม่มีการทดลองในสัตว์                         
2. กระบวนการผลิต : โรงงานมีมาตรฐานการผลิต (GMP) ที่สะอาดและมีการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดแค่ไหน เพื่อให้แน่ใจว่าความบริสุทธิ์ของผลิตภัณฑ์จะถูกรักษาไว้ตั้งแต่เริ่มผสมจนถึงการบรรจุ                                       
3. แพ็กเกจจิ้ง : แม้แต่การเลือก ขวดหรือกระปุก ก็ต้องเป็นไปตามพันธกิจ เช่น เลือกขวดแก้วสีเข้มเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของส่วนผสมหลัก หรือเลือกหัวปั๊มที่ไม่สัมผัสอากาศเพื่อยืดอายุความสดใหม่ นี่คือการลงทุนที่ใช้ ปัญญาที่สูงกว่า ในการปกป้องคุณภาพสินค้า

การเลือกโรงงาน OEM ที่มีมาตรฐานต่ำเพียงเพราะราคาถูกที่สุด คือการประนีประนอมต่อ Higher Self ของแบรนด์ และในที่สุดลูกค้าก็จะรับรู้ได้ถึงความไม่จริงใจนี้ผ่านคุณภาพของสินค้าที่ออกไปสู่มือพวกเขา

บทสรุป

การสร้างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่การพยายามเป็นคนอื่น แต่คือการเป็นตัวตนที่แท้จริงและดีที่สุดของตัวเองค่ะ การเริ่มต้นด้วยการค้นหา Higher Self ของแบรนด์ จะทำให้คุณมีเข็มทิศที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเจอวิกฤตเศรษฐกิจหรือเทรนด์ที่เปลี่ยนไปเร็วแค่ไหน 'จิตวิญญาณ' ที่บริสุทธิ์ของแบรนด์ก็จะยังคงอยู่ และนั่นคือเหตุผลที่ลูกค้าจะยังคงเลือกคุณเสมอ

จำไว้เสมอว่า : แบรนด์ที่ดีไม่ได้สร้างจากสูตรที่ดีที่สุด แต่มันสร้างจากความตั้งใจที่ดีที่สุด ที่ถูกใส่เข้าไปในทุก ๆ กระปุก ทุก ๆ ขวด ที่ออกจากโรงงาน OEM ค่ะ