Minimum Order Quantity (MOQ) : เข้าใจและต่อรองอย่างไรให้สร้างแบรนด์ครีมได้เปรียบ

Minimum Order Quantity (MOQ) : เข้าใจและต่อรองอย่างไรให้สร้างแบรนด์ครีมได้เปรียบ

“เข้าใจ MOQ (ปริมาณสั่งซื้อขั้นต่ำ) สำหรับผู้เริ่มต้น สร้างแบรนด์ครีม เผยเหตุผลที่ต้องมี และ 5 เทคนิคการเจรจาต่อรองกับผู้ผลิตเพื่อเริ่มต้นธุรกิจได้เปรียบ”

สวัสดีครับทุกท่าน! สำหรับใครที่กำลังจะก้าวเข้าสู่โลกของการผลิตสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่ต้องพึ่งพาผู้ผลิต OEM/ODM หรือซัพพลายเออร์ต่างๆ เพื่อ สร้างแบรนด์ครีม ของตัวเอง คุณจะต้องเจอกับคำศัพท์คำหนึ่งที่สำคัญมากๆ เลยครับ นั่นคือ MOQ (Minimum Order Quantity) หรือ "ปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำ" นั่นเอง หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง หรือบางคนอาจจะยังงงๆ ว่ามันคืออะไร ทำไมต้องมี แล้วเราจะรับมือกับมันยังไงให้ได้เปรียบ วันนี้ผมจะมาอธิบายเรื่องนี้ให้เข้าใจแบบเคลียร์ๆ พร้อมเทคนิคการต่อรองที่ผมใช้มาแล้วได้ผลจริงครับ!

 

MOQ คืออะไร? ทำไมผู้ผลิตถึงต้องมี?

อย่างที่เกริ่นไปครับ MOQ คือ ปริมาณสินค้าขั้นต่ำที่สุดที่ผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์กำหนดให้คุณต้องสั่งซื้อในแต่ละครั้ง เช่น ถ้าผู้ผลิตกำหนด MOQ ที่ 1,000 ชิ้น หมายความว่าคุณต้องสั่งผลิตครีมอย่างน้อย 1,000 ชิ้นในหนึ่งออเดอร์ จะสั่งน้อยกว่านั้นไม่ได้ หรือถ้าได้ก็อาจจะต้องจ่ายแพงกว่าปกติมากๆ

แล้วทำไมผู้ผลิตถึงต้องมี MOQ? เหตุผลหลักๆ ที่ผมเจอมาก็คือ

 

  1. ความคุ้มทุนในการผลิต : การผลิตสินค้าแต่ละครั้ง ผู้ผลิตมีต้นทุนคงที่ที่ต้องจ่ายไม่ว่าจะผลิตมากหรือน้อย เช่น ค่าเซ็ตเครื่องจักร ค่าแรงงาน ค่าแม่พิมพ์ หรือค่าเตรียมวัตถุดิบ ถ้าผลิตน้อยเกินไป ต้นทุนต่อชิ้นจะพุ่งสูงมากจนไม่คุ้มค่ากับการดำเนินการเลยครับ
  2. การจัดการวัตถุดิบและสต็อก : ผู้ผลิตเองก็ต้องสั่งซื้อวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์ ซึ่งวัตถุดิบเหล่านั้นก็มักจะมี MOQ เป็นของตัวเองเหมือนกัน การกำหนด MOQ ช่วยให้ผู้ผลิตบริหารจัดการสต็อกวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. ลดการสูญเสีย : การผลิตในปริมาณที่เหมาะสมช่วยลดของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิต การตั้งค่าเครื่องจักร หรือการเปลี่ยนผ่านระหว่างการผลิตสินค้าแต่ละประเภท
  4. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน : การผลิตล็อตใหญ่ช่วยให้ไลน์การผลิตเดินได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ประหยัดเวลาและพลังงาน

ดังนั้น เมื่อคุณติดต่อผู้ผลิตเพื่อ สร้างแบรนด์ครีม เรื่อง MOQ จะเป็นสิ่งแรกๆ ที่คุณต้องสอบถามและทำความเข้าใจครับ

 

ผลกระทบของ MOQ ที่คุณต้องเจอ

สำหรับผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้น สร้างแบรนด์ครีม โดยเฉพาะมือใหม่หรือธุรกิจขนาดเล็ก MOQ อาจเป็นเรื่องท้าทายได้ครับ

  • ต้นทุนเริ่มต้นสูง : หาก MOQ สูง นั่นหมายถึงคุณต้องใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่ในการสั่งผลิตครั้งแรก ซึ่งอาจเป็นภาระสำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น

 

  • ความเสี่ยงด้านสต็อก : การผลิตจำนวนมากเกินความต้องการ อาจทำให้มีสินค้าค้างสต็อกจำนวนมาก เสียค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ และมีความเสี่ยงที่สินค้าจะเสื่อมสภาพหรือล้าสมัย

 

  • ข้อจำกัดในการทดลองตลาด : ถ้าคุณอยากลองทำสินค้าหลายๆ ตัว หรือทดลองสูตรใหม่ๆ การที่ MOQ สูงอาจทำให้คุณไม่สามารถทำได้ หรือทำได้แต่มีต้นทุนสูงมาก

 

 

 

เทคนิคการต่อรอง MOQ ให้ได้เปรียบในการสร้างแบรนด์ครีม

แม้ว่า MOQ จะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จากประสบการณ์ของผม คุณสามารถเจรจาต่อรองเพื่อหาจุดที่เหมาะสมได้ครับ ลองใช้เทคนิคเหล่านี้ดู

 

  1. ทำความเข้าใจโครงสร้างราคาและที่มาของ MOQ ก่อนจะต่อรอง คุณควรถามผู้ผลิตให้เข้าใจว่าราคาต่อหน่วยของสินค้าจะลดลงเมื่อปริมาณเพิ่มขึ้นในจุดไหนบ้าง (Tiered Pricing) และต้นทุนหลักๆ ของการผลิตคืออะไร บางที MOQ อาจจะมาจากต้นทุนของบรรจุภัณฑ์บางชนิด หรือสารสกัดบางตัว การที่คุณเข้าใจโครงสร้างนี้จะทำให้การเจรจามีเหตุผลมากขึ้นครับ                                                                                  
  2. เสนอ "โอกาส" ที่น่าสนใจให้กับผู้ผลิต ผู้ผลิตไม่ได้มองแค่ยอดสั่งซื้อในครั้งแรกอย่างเดียวครับ เขามองถึงความสัมพันธ์ระยะยาวด้วย                                                                                                  
  3. ขอตัวอย่าง หรือ "ล็อตเล็ก" สำหรับการทดลองตลาด ถ้าคุณเป็นมือใหม่ หรืออยากจะทดลองตลาดก่อนที่จะลงทุนก้อนใหญ่ ลองใช้วิธีนี้ครับ                                                                                            
  4. พิจารณา "White Label" หรือ "Private Label" ในช่วงเริ่มต้น ผู้ผลิตหลายแห่งมีบริการ White Label หรือ Private Label ซึ่งหมายถึงการที่ผู้ผลิตมีสูตรและบรรจุภัณฑ์สำเร็จรูปอยู่แล้ว คุณแค่ใส่แบรนด์ของคุณลงไป ข้อดีคือ:
    • แสดงแผนธุรกิจในระยะยาว : ถ้าคุณมีแผนที่จะขยายตลาด หรือคาดการณ์ยอดขายที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ลองนำเสนอแผนเหล่านี้ให้ผู้ผลิตเห็น เพื่อให้เขามั่นใจว่าคุณจะเป็นลูกค้าที่มีศักยภาพในการสั่งซื้อล็อตใหญ่ในอนาคตได้จริง
    • เป็นลูกค้าประจำ : หากคุณมีการสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ล็อตแรกอาจจะยังไม่ใหญ่มาก แต่การันตีการสั่งซื้อในระยะยาวก็เป็นแต้มต่อที่ดีครับ
    • เสนอ "Premium Price" สำหรับล็อตเล็ก : อาจจะยอมจ่ายในราคาต่อชิ้นที่สูงขึ้นกว่าราคา MOQ เล็กน้อย เพื่อแลกกับการได้ผลิตในปริมาณที่น้อยลงสำหรับล็อตแรก ซึ่งก็ยังดีกว่าการสั่งผลิตตาม MOQ ที่สูงมากๆ
    • เจาะจงเฉพาะวัตถุดิบบางตัว : หาก MOQ เกิดจากวัตถุดิบพิเศษบางตัว ลองถามว่าสามารถปรับสูตรโดยใช้วัตถุดิบอื่นที่มี MOQ ต่ำกว่าได้หรือไม่ (ถ้าไม่กระทบกับคุณภาพและคอนเซ็ปต์สินค้า)
    • ผมเคยเห็นหลายคนติดกับเรื่อง MOQ ของบรรจุภัณฑ์ เพราะสั่งทำเฉพาะสำหรับแบรนด์ตัวเอง ซึ่ง MOQ ของบรรจุภัณฑ์พวกนี้มักจะสูงกว่าตัวครีมเสียอีก บางทีการยอมใช้บรรจุภัณฑ์สำเร็จรูปที่ผู้ผลิตมีให้เลือกก่อน ก็ช่วยลด MOQ ลงได้เยอะเลยครับ เพื่อให้คุณสามารถ สร้างแบรนด์ครีม ได้ง่ายขึ้น
    • MOQ ต่ำกว่ามาก : เพราะไม่ต้องเสียเวลาและต้นทุนในการพัฒนาสูตรใหม่
    • ลดความเสี่ยง : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองตลาดก่อนลงทุนก้อนใหญ่วิธีนี้เหมาะมากสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการ สร้างแบรนด์ครีม ที่มีคุณภาพแต่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณเริ่มต้นครับ
  1. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเซลล์ หรือผู้ติดต่อผู้ผลิต อย่ามองข้ามความสัมพันธ์ส่วนตัวนะครับ เซลล์หรือผู้ติดต่อของผู้ผลิตเป็นคนกลางที่สำคัญมาก หากคุณสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขา พวกเขาอาจจะช่วยคุณหาทางออกที่ดีที่สุด หรือช่วยพูดคุยกับฝ่ายผลิตเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นมากขึ้นได้ครับ

 

บทสรุป

MOQ เป็นส่วนหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในโลกการผลิตสินค้าครับ แต่การทำความเข้าใจว่ามันคืออะไร ทำไมถึงมี และที่สำคัญคือมีเทคนิคการต่อรองอย่างไร จะช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการต้นทุนและความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการ สร้างแบรนด์ครีม ของคุณเอง

จำไว้ว่าการเจรจาต่อรองไม่ได้หมายถึงการกดราคาอย่างเดียว แต่คือการหาจุดที่ win-win ทั้งสองฝ่ายครับ ทั้งคุณที่เป็นผู้สั่งผลิต และผู้ผลิตที่เป็นคู่ค้า การมีความรู้และใช้เทคนิคเหล่านี้ จะช่วยให้คุณเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างราบรื่นและมีโอกาสเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต!

 

{entry_template}
{/CONTENTS_ENTRY_LIST}